“Sherlock Season 3” เปิดฉากหลังจากสองปีที่เชอร์ล็อก โฮล์มส์ (Sherlock Holmes) หายตัวไปและถูกเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้วในตอนจบของซีซั่น 2 ตอน “The Reichenbach Fall” ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่างจิม มอริอาร์ตี้ (Jim Moriarty) ซึ่งทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาได้กระโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนและคนที่เขารัก แต่ในความเป็นจริง เชอร์ล็อกได้แกล้งตายและทำงานลับเพื่อทำลายองค์กรอาชญากรรมที่แฝงตัวอยู่ในลอนดอน
ซีซั่นนี้เปิดตัวด้วยการกลับมาของเชอร์ล็อกสู่ลอนดอนและความพยายามของเขาในการกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของดร. จอห์น วัตสัน (Dr. John Watson) ที่ตอนนี้กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังจากการสูญเสียเพื่อนรักของเขาไป วัตสันตกใจและโกรธที่เชอร์ล็อกไม่ได้บอกเขาถึงแผนการแกล้งตายนี้ แต่ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาเป็นทีมอีกครั้งในการสืบสวนคดีใหม่ๆ ที่ซับซ้อนและน่าตื่นเต้น
ซีซั่นนี้ประกอบด้วย 3 ตอนหลัก:
The Empty Hearse ตอนนี้เชอร์ล็อกกลับมาสู่ลอนดอนหลังจากหายตัวไปสองปี เขาต้องเผชิญกับความท้าทายในการกลับมาเชื่อมความสัมพันธ์กับวัตสัน ขณะเดียวกันก็ต้องทำงานเพื่อหยุดยั้งแผนการก่อการร้ายที่อันตรายที่สุดที่ลอนดอนเคยเผชิญมา
The Sign of Three ตอนนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวันแต่งงานของดร. จอห์น วัตสันและแมรี่ มอร์สตัน (Mary Morstan) เชอร์ล็อกได้รับเชิญให้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในงานแต่งงานและต้องเผชิญกับคดีซับซ้อนที่เกิดขึ้นระหว่างงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอดีตทหารที่ถูกลอบสังหาร
His Last Vow ตอนสุดท้ายของซีซั่น เชอร์ล็อกต้องเผชิญหน้ากับชาร์ลส์ ออกัสตัส แมกนุสเซน (Charles Augustus Magnussen) ศัตรูคนใหม่ที่เป็นนักธุรกิจและเจ้าพ่อสื่อผู้ควบคุมข้อมูลลับของคนสำคัญในสังคม เชอร์ล็อกต้องต่อสู้เพื่อเปิดโปงและทำลายอิทธิพลของแมกนุสเซน ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและวัตสันไปตลอดกาล
Sherlock Season 3 นำเสนอความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างเชอร์ล็อกและวัตสัน พร้อมกับการท้าทายทางจิตวิทยาและคดีที่ซับซ้อนที่ยากต่อการไขความจริง ซีซั่นนี้เน้นไปที่ความเป็นมนุษย์ของตัวละครหลักและการสำรวจมิตรภาพที่ไม่เหมือนใครของพวกเขา